อนาคตอุตสาหกรรมยางพาราไทย

‘ ตั้งเป้าขับเคลื่อนทั้งระบบ ดันทิศทางยางพาราไทย ครองแชมป์ส่งออก อันดับหนึ่งตลาดโลก '

วัตถุดิบส่งออกอันดับหนึ่งที่ครองตลาดโลก อย่าง “ยางพารา" ของประเทศไทยนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2534 และถึงแม้ว่าช่วงหลังการแปรรูปยางพาราเป็นผลิตภัณฑ์จะมีสัดส่วนที่ไม่สมดุล  ซึ่งมาจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ ทั้งอุปสงค์และอุปทานที่ไม่ได้สัดส่วน  ทำให้เกษตรกรสวนยางต้องรับต้นทุน เนื่องจากราคายางมีการผันผวนอยู่เนืองๆ

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลได้กำหนดทิศทางเพื่อผลักดันและวางแนวทางขับเคลื่อนการปฏิรูปแก้ปัญหาเสถียรภาพราคายางพาราอย่างยั่งยืน โดยมีการวางแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาวในการกำหนดราคายางพาราให้คงที่ เพื่อส่งผลต่อการแข่งขันตลาดโลก  ซึ่งในขณะที่มาเลเซียมีมูลค่าห่วงโซ่อุปทานอยู่ที่ 4 กว่าสี่แสนล้านบาท และไทยมีมูลค่าอุตสาหกรรมยางพาราอยู่ที่ 9 แสนล้านบาท  ถึงกระนั้น เมื่อพูดถึงการผลิตยางพารา ประเทศไทยและอินโดนีเซียนับว่าเป็น 2 ประเทศอุตสาหกรรมยางพาราอันดับต้นของโลก ซึ่งไม่นานมานี้ ประเทศอินโดนีเซียได้ประกาศว่าจะเป็นศูนย์กลางผลิตภัณฑ์ยางพาราของโลก

เมื่อพิจารณาจากข้อมูลที่กล่าวมาไทยเรามีศักยภาพมากพอที่จะเป็น “ศูนย์กลางยางพาราของอาเซียนและของโลก" แซงหน้าอินโดนีเซียได้ไม่ยาก เพราะมีปัจจัยที่เกื้อหนุนในหลายประการ ตั้งแต่เรื่องของกำลังผลิตยางพารา และตลาดรถยนต์ของไทยใหญ่กว่ามาเลเซีย  นอกจากนี้อุตสาหกรรมยางพาราในระดับ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ก็มีครบวงจร

ดังนั้น สินค้าภาคเกษตรอย่างยางพารา ถึงมีแนวโน้มกลับมาหลังครองตำแหน่งดาวรุ่งได้  เพราะล่าสุดราคาเฉลี่ยยางแผ่นดิบมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่าร้อยละ 60 ส่วนหนึ่งนั้น มาจากมาตรฐานส่งเสริมจากภาครัฐ ที่พยายามปรับโครงสร้างการผลิตและใช้ยางของไทย โดยมีการส่งเสริมสนับสนุนให้ใช้ยางในประเทศมากขึ้น และการลดพื้นที่ปลูกยางเพื่อลดผลผลิต เพื่อควบคุมราคากลาง และไม่ให้ผลผลิตล้นตลาด

อย่างไรก็ตาม ตลาดอุตสาหกรรมการผลิตยางพาราภายในประเทศ ก็ยังมีการแข่งขันกันอย่างโดดเด่นอุตสาหกรรมตลาดยางพาราภาคใต้ จ.สงขลา มีการผลักดันนิคมอุตสาหกรรมกรรมยางพารา (Rubber City) โดยมีทิศทางราคาที่ดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ตลาดยางพาราภาคอีสาน  ได้จังหวัดบึงกาฬขับเคลื่อนตลาดยางพาราอย่างเป็นรูปธรรม  ซึ่งล่าสุดได้มีการจัดงานเพื่อแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีการพัฒนายางพาราในทุกมิติ  โดยล่าสุดถือเป็นการจับคู่ค้าต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดจีน ที่เป็นเป้าหมายสำคัญของยางพาราบึงกาฬ  อีกทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องมาพบปะแลกเปลี่ยนความรู้ ร่วมเปิดตลาดและเปิดโอกาสลู่ทางสู่ความร่วมมือให้เกิดขึ้นอย่างมั่นคง โดยงานดังกล่าว ยังได้แสดงความรู้และการพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ ให้กับชาวสวนยาง นำเสนอนวัตกรรมโรงงานสหกรณ์บึงกาฬที่มีเครื่องจักรทันสมัยในการแปรรูป เครื่องกรีดยางอัตโนมัติโดยใช้รีโมตจากโซลาเซลล์

ดังนั้น  อุตสาหกรรมยางพาราในประเทศจึงเป็นวัตถุดิบที่มีมูลค่ามหาศาล  ซึ่งอนาคตยางพาราจะยังถูกจับตามอง เพราะเป็นเศรษฐกิจส่งออกของประเทศที่สำคัญ ขับเคลื่อนจีดีพีของประเทศ จึงไม่ใช่แค่ความฝันที่เราจะมีเป้าหมายครองอันดับหนึ่ง ตลาดโลก หากทุกภาคส่วนร่วมแรง ร่วมมือ รวมพลังทั้งด้านวิชาการ สามารถร่วมกันหาแนวทางวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ในขณะที่ภาครัฐก็ร่วมสนับสนุนเร่งปรับโครงสร้างสินค้าเกษตรไทย พัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน 

 

อ้างอิงที่มาข้อมูล

http://www.komchadluek.net/news/agricultural/242924

http://www.oae.go.th/ewt_news.php?nid=22207&filename=news

http://thaipublica.org/2016/12/tmb-analytics-10-12-2559/

http://www.matichon.co.th/news/449760